ถ้าวันนี้เราอยากจะกินอาหารไทยในห้างสรรพสินค้าสักแห่งหนึ่งเราจะกินร้านไหนดี....
เป็นคำถามที่ชวนคิดที่ดูเหมือนจะง่ายแต่เอาจริงๆผมว่าก็ตอบยากอยู่
ท่ามกลางร้านอาหารมากมายในห้างสรรพสินค้าในยุคนี้ สัดส่วนร้านอาหารไทยถือว่าน้อยมาก
ถ้าไม่นับพวกร้านก๋วยเตี๋ยว อาหารจีนด้วยนะ
บางทีหันไปมองรอบตัวก็เห็นแต่ร้านอาหารญี่ปุ่นกับร้านเกาหลี
ร้านอาหารอาหารไทยที่มีอยู่ก็ราคาสูงขึ้นๆ เรื่อยๆ
ความเป็นเอกลักษณ์ไทยตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผม ไปยันที่อยู่อาศัย อาหารการกินกำลังถูกกลืนกินไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่สามารถเอาสิ่งที่มีอยู่มาปรับให้เข้ากับยุคสมัยได้ การแสดงแบบโบราณก็ถูกแช่แข็ง ไม่ให้ใครมาแตะต้องหรือเอามาปรับได้
โถ่ ป้า!! กว่ามันจะมาถึงจุดที่ลงตัวเค้าก็ปรับกันมาเยอะแล้ว คิดไปเองว่ามันต้องอยู่บนหิ้ง จนหลานแก่ก็ยังคงเล่นเรื่องรามเกียรติ์อยู่อย่างนั้นแหละ
ประเทศเรามีนักการตลาดอยู่เต็มประเทศ แต่ไม่ค่อยมีใครสร้างแบรนด์ไทยให้คนไทยชอบและติดได้มากนัก ส่วนมากมักชอบปั้นแบรนด์ให้สูงขึ้นเรื่อยๆจนคนไทยเองแตะไม่ถึง ต่างประเทศเค้าปั้นแบรนด์ให้ผู้บริโภคใช้ เข้าถึงง่าย และสัมผัสมัน แต่คนไทยปั้นแบรนด์ไทยให้ดูสวยและสูงค่า
ครั้งนึงผมไปทำงานที่ประเทศเยอรมนี ได้นั่งคุยกับพี่ที่อาศัยอยู่ที่โน่นเค้าบอกว่าคนไทยเป็นที่รู้จักของคนที่นี่มาก เพราะจะมาปูเสื่อนั่งตำส้มตำสังสรรค์เมาท์มอยกันที่สวนสาธารณะในวันอาทิตย์ นั่นคือแบรนดิ้งของสาวไทยในสายตาชาวเยอรมัน และชาวยุโรป ก็ต้องยอมรับความจริงว่าสาวไทยแท้ๆกว่า 50% ของประเทศเรา ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาเกาหลีเดินพารากอน กินซูชิ นั่นมันแค่ส่วนน้อยของคนประเทศนี้
ทำไมเราไม่ทำภาพสาวไทยผิวเข้ม นุ่งซิ่น ผ้าถุง นั่งตำส้มตำให้มันน่ารักขึ้นในสายตาชาวโลกถ้าทำได้มันจะเป็นแบรนดิ้งที่จริงมากขึ้น แล้วเราจะสนุกกับแบรนด์นี้และพามันไปได้ไกลกว่าเดิม แค่คิดเล่นๆเรายังสนุกเลย มันทำอะไรได้เยอะ และมีเอกลักษณ์ได้แทบทันทีโดยไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ ทำไมเราไม่สนับสนุนให้สร้างบ้านที่นำเอาลักษณะบางอย่างจากบ้านไทยที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศของเรามาใช้ แทนที่จะเป็นบ้านปูนทรงโมเดิร์น หลังคาแบนแบบอย่างตะวันตก
นั่งรำพึงรำพันกันเองตั้งแต่ก่อนปีใหม่เกี่ยวกับเรื่องความเป็นไทยที่กำลังหายไป และอยากทำงานสไตล์ไทยๆบ้าง คงได้เห็นงานออกแบบไทยสไตล์คอลเลคทีฟเร็วๆนี้
หมายเหตุ : ร้านอาหารญี่ปุ่นของเราก็ยังมีทำนะ ได้หมดถ้าสดชื่น 5555