top of page

พื้นไม้ประเภทไหน? ที่เหมาะกับบ้านคุณ

หลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า

"อยากมีบ้านสักหลัง แต่เราจะเลือกวัสดุปูพื้นยังไงดีนะ??"

หรือแม้แต่ตอนที่เราไปเลือกซื้อบ้าน แล้วเจอพื้นลักษณะนั้นๆ

"มันจะคงทนหรือเปล่านะ??"

บทความนี้จะคลายข้อสงสัยของทุกคนให้เอง


เราเชื่อว่าทุกคนมีความทรงจำเกี่ยวกับพื้นต่างกันตามประสบการณ์ที่เกิดขึ้นและความชอบของแต่ละบุคคล สมัยก่อนที่เราเห็นก็จะมีไม้จริง ไม้ปาร์เกต์ กระเบื้องต่างๆ หินอ่อน เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน เรามีทางเลือกมากมายในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งาน


พื้นไม้ในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทมากๆ

1.พื้นไม้จริง

2.ไม้เอ็นจิเนียร์

3.ไวนิล (แบบติดกาว/แบบคลิกล็อค)

4.ลามิเนต

5.SPC

6.กระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้


เรามาเริ่มกับประเภทแรก "พื้นไม้จริง" ที่เราคุ้นเคยกันดีกว่า



พื้นไม้จริง

ของแท้ย่อมแสดงถึงสัจจะวัสดุได้ดีที่สุด ไม้จริงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและลวดลายสวยงามดูเป็นธรรมชาติ ไม้ส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาใช้ทำพื้นจะเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า และไม้สักมีความแข็งแรงทนทาน แต่ไม้จริงจะมีการยืดหดตามสภาพอากาศ รวมถึงข้อจำกัดเรื่องสีของไม้เพราะปัจจุบันไม้ค่อนข้างหาได้ยากกว่าสมัยก่อนมาก และยังมีปัญหาเรื่องปลวกตามมาอีกด้วย


ราคาของไม้จริงอยู่ที่ประมาณ ตารางเมตรละ 3,500 - 9000 บาท เลือกได้หลายแบบ ทั้งที่ซื้อจากร้านไม้โดยตรงให้ช่างทำ หรือไม้ที่มีแบรนด์ เช่น TS-Teak เป็นต้น


 

ประเภทที่ 2 ไม้เอ็นจิเนียร์



พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

ไม้เอ็นจิเนียร์จะมีความหนาประมาณ 3 มม. เกิดจากการนำแผ่นไม้จริงบางๆ หลายแผ่นมาวางซ้อนทับโดยทำมุมไขว้กันไปมา เพื่อสร้างความแข็งแรง สีสันมีความหลากหลาย ไม้เอ็นจิเนียร์ที่ขัดทำสีเสร็จแล้วจะสามารถติดตั้งหน้างานได้เลย และหากชำรุดสามารถเปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ แม้ว่าตัววัสดุชิ้นนี้จะทำจากไม้จริงแต่ก็ไม่สามารถขัดผิวหน้าทำสีใหม่ได้เหมือนไม้จริง หากต้องการติดตั้งไม้ประเภทนี้ควรเลือกยี่ห้อที่มีการเคลือบผิวหน้าที่ดีและทนทานต่อการใช้งาน ราคาของไม้เอ็นจิเนียร์จะเริ่มต้น 1,190 บาท


 

ประเภทที่ 3 ไวนิล (แบบติดกาว/แบบคลิกล็อค)



พื้นไวนิล

ไวนิล หรือ กระเบื้องยาง ทำขึ้นขึ้นจากยางสังเคราะห์ หากมองด้วยตาเปล่าจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริงเนื่องจากทำลวดลายให้เหมือนไม้ แต่ด้วยตัววัสดุทำจากยางทำให้ผิวสัมผัสมีความลื่นไม่เหมือนไม้จริง เมื่อเดินด้วยเท้าเปล่าจะรู้สึกกระด้าง โดยกระเบื้องยางจะแบ่งเป็น 2 แบบ แบบที่ 1 คือ แผ่นใหญ่ ส่วนใหญ่มักจะใช้กับงานห้างสรรพสินค้า โรงหนัง แบบที่ 2 แผ่นยาว ต่อกัน มักใช้กับงานบ้านพักอาศัย ปัจจุบันกระเบื้องยางได้ถูกพัฒนาให้มีความสวยงามมากขึ้น ราคาไม่แพง หากชำรุดสามารถซ่อมได้ง่าย และเมื่อเกิดความเสียหายสามารถเปลี่ยนเฉพาะเเผ่นนั้นๆได้เลย



โดยพื้นไวนิลหรือกระเบื้องยาง จะถูกแบ่งออกเป็นแบบแบบทากาว (Dry Back) กับแบบคลิ๊กล็อค (Click Lock) ข้อแตกต่างของทั้ง 2 แบบ คือ แบบทากาว ราคาถูกกว่าแบบคลิ๊กล็อค ดูแลรักษาและแก้ไขได้ง่ายกว่า และลวดลายมีความหลายหลาย ส่วนแบบคลิ๊กล็อค สามารถติดตั้งได้โดยที่ไม่ทำให้พื้นเดิมเกิดความเสียหาย สามารถติดตั้งในห้องที่มีความชื้นได้ หากรื้ออย่างระมัดระวังจะสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ราคาของไม้ไวนิลแบบทากาวอยู่ที่ประมาณ 350-490 บาท และแบบคลิ๊กล็อคอยู่ที่ประมาณ 600-790 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น Rectango , BFM , Ekon7(แบรนด์ Eco-click และ b-click) เป็นต้น


 

ประเภทที่ 4 ลามิเนต



พื้นลามิเนตเกิดจากการหาวัสดุมาใช้ทดแทนไม้จริง ซึ่งจะประกอบไปด้วยวัสดุทั้งแบบธรรมชาติและแบบสังเคราะห์ผสมกัน ให้ความรู้สึกที่คล้ายไม้จริงแต่การยืดหดตัวน้อยกว่าไม้จริง นอกจากนี้ลามิเนตยังมีราคาถูกที่สุดในบรรดาวัสดุพื้นลายไม้ แต่ความทนทานแข็งแรงก็น้อยที่สุดเช่นกัน ข้อควรระวังหากช่างปูไม่มีการปรับระดับไม้หรือมีการปรับระดับไม้ได้ไม่ดีพอ จะให้ทำรู้สึกว่าพื้นยวบลงเวลาเดิน คล้ายพื้นพองออกมา ราคาของไม้ลามิเนตเริ่มต้นที่ 400 บาท


 

ประเภทที่ 5 SPC



พื้น SPC

พื้น SPC จะประกอบไปด้วย พลาสติกบริสุทธฺ์ผสมกับหินปูนขาว โดยผ่านกระบวนการหลอมเหลวผสมและอัดเป็นชั้นๆ ด้วยความร้อยและความดันสูง เพื่อให้วัสดุคงตัวและอบด้วยตู้อบ มีคุณสมบัติที่เหนียว ยืดหยุ่น มีความทนทานและแข็งแรงสูงมาก โดยผิวหน้าของพื้นถูกออกแบบมาให้ใช้ลวดลายของไม้ที่แตกต่างกันออกไป มีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่โทนสีอ่อนไปจนถึงโทนสีเข้ม ที่สำคัญคือเป็นพื้นที่มีการเคลือบผิวชั้นบนด้วยวัสดุ Wear Layer รองรับการขีดข่วนได้ดีพอสมควร เช่น เมื่อขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็หมดปัญหาเรื่องพื้นเป็นรอย ผุกร่อน แตกหัก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรง ไม่ยืดหดหรือขยายตัว ทนทานต่อความชื้น น้ำ และไฟ ลวดลายสวยงาม ผิวสัมผัสดีกว่าพื้นไม้ทั่วไป เมื่อสัมผัสตัวกระเบื้องยาง SPC จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากพื้นไม้จริงหรือพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป แม้ภายนอกจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ผิวสัมผัสของพื้นไม้ SPC จะดีกว่า เรียบเนียนกว่ามากๆ ดูแลรักษาง่าย ติดตั้งสะดวก สามารถปูพื้นใหม่หรือปูทับวัสดุเดิมได้ เนื่องจากใช้ระบบ Click-Lock ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งได้ดี รื้อถอนก็ง่ายกว่าพื้นแบบอื่น ไร้สาร Formaldehyde ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งพบเจอได้บ่อยในวัสดุการสร้างบ้านและอาคาร ข้อควรระวังสำหรับพื้น SPC ควรหลีกเลี่ยงการขัด-ถู ลงแว๊กซ์ หรือขัดมันอย่างเด็ดขาด และการลากเฟอร์นิเจอร์ที่ขาดการติดตั้งที่ถูกวิธีหรือปราศจากแผ่นสักราด อาจทำให้พื้นเกิดรอยได้ ควรระมัดระวังความเสียหายที่เกิดจากของหนักตกหรือหล่นกระแทกพื้นรอยขีดข่วนจากของมีคม หากบริเวณที่มีแสงแดดจัดควรมีผ้าม่าน หรือมู่ลี่กันแสงแดดส่องถึง ก่อนติดตั้งควรเช็คระดับของพื้นที่ที่จะติดตั้ง spc ควรเรียบเสมอกัน หากพื้นไม่เสมอกันอาจทำให้พื้นยวบและทำให้อายุการใช้งานน้อยลงได้ ราคาของ SPC อยู่ที่ประมาณ 550-790 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น Rectango , Ekon7 เป็นต้น


 

ประเภทสุดท้าย ประเภทที่ 6 กระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้


กระเบื้องเซรามิค จะมีทั้งแบบเคลือบ และ ไม่เคลือบ สามารถปูบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นไม้ได้โดยใช้กาวติดกระเบื้องยึด ปัจจุบันมักนิยมนำมาใช้ปูพื้นในห้องครัว และห้องน้ำ ตัวกระเบื้องแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน แบบเคลือบหากเปียกน้ำจะมีความลื่นและดูดซึมน้ำสูง หากรื้อแล้วไม่สามารถนำมาปูใหม่ได้ และไม่เหมาะกับพื้นที่ๆได้รับน้ำหนักเยอะ

กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคชนิดหนึ่งที่เป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่นๆ และแกรนิโต้ยังเป็นกระเบื้องที่ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดังนั้นเมื่อถูกกระเทาะจะ สังเกตได้ว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในจะเป็นสีเดียวกันกระเบื้องแกรนิโต้แข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติการรับน้ำหนักได้สูง เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรทั่วไป แต่ค่าปูกระเบื้องประเภทนี้จะแพงมากกว่ากระเบื้องแบบอื่นๆ เพราะปูค่อนข้างยากกว่า

อย่างไรก็ตามด้วยวัสดุที่เป็นกระเบื้องจะไม่ให้ความที่รู้ที่เป็นไม้เหมือนพื้นประเภทอื่นๆที่ผลิตจากไม้จริงๆ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อไม่ใช่วัสดุที่ทำจากไม้ก็จะสามารถทนความชื้นได้มากกว่าพื้นไม้ประเภทอื่นเช่นกัน ราคาของกระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้อยู่ที่ประมาณ 300-1200 บาท ตัวอย่างแบรนด์ที่จำหน่าย เช่น WDC , Thai soung เป็นต้น


 

ความหลากหลายของวัสดุปูพื้นถูกแบ่งออกเป็น วัสดุที่ทำจากไม้ และวัสดุแบบไม่ได้ทำจากไม้เช่น ยาง หรือส่วนผสมสังเคราะห์ต่างๆ โดยพื้นไม้แต่ละชนิดมี ”สีสันและความสวยงาม” ที่แตกต่างกัน โดยไม้จริงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของสี เนื่องจากสีจะเป็นไปตามชนิดของไม้นั้นๆ รองลงมาจะเป็นพื้นไม้ประเภทอื่นๆที่ผลิตจากไม้จริง ที่นิยมกันก็จะเป็นไม้ลามิเนต เนื่องจากมีผิวสัมผัสที่คล้ายกับไม้จริงและมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย “ผิวสัมผัส” ก็เช่นกัน หากวัสดุถูกผลิตจากไม้จริงก็จะทำให้คล้ายกับไม้จริงมากกว่า ต่างจากกระเบื้องยางหรือกระเบื้องเซรามิค/แกรนิโต้ลายไม้ ที่จะให้พื้นผิวทีเงาและลื่นกว่าไม้จริง ในเรื่อง ”ความแข็งแรงทนทาน” ไม้จริงจะมีความคงทนและแข็งแรงมากกว่า แต่ก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน แต่ถ้าเป็นลามิเนตจะมีความทนทานน้อยที่สุดในด้านการทนแรงกระแทกและพรอยขีดข่วน ปัจจุบันมีให้เลือกใช้มากมาย ตามความชอบและเหมาะสม แต่ไม่ว่าพื้นประเภทไหนก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน หากเราดูแลรักษาพื้นก็จะสวยแล้วอยู่กับเราไปได้นานแน่นอน


 

The Collective Studio Co., Ltd.

Architectural & Interior Design

www.ctstu.com

Tel. 094 442 4652


ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจของพวกเราได้ที่นี่

ดู 138 ครั้ง
bottom of page