การปรับตัวในชีวิตยุคใหม่ในยุคโควิด-19
ล็อคดาวน์ปิดเมืองกันมาเดือนนึงแล้ว
หลังจากที่รัฐบาลอนุญาตให้เปิดกิจการกันได้
พวกเราร้านค้าทั้งหลายควรจะปรับตัวอย่างไร
เพื่อรองรับการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้
ช่วงที่พักจากการทำธุรกิจ
นั่งอยู่บ้าน Work from Home มาสักพัก
คงได้ยินได้ฟังหลายๆคนพูดถึงสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้
ในแง่ของวิถีชีวิต / การทำงานทางไกล /
digital transformation / digital disruption / new normal
และอีกหลายต่อหลายคำที่พูดกันเยอะมาก
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันคงเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆ
ไม่ใช่สิ... มันเกิดขึ้นแล้ว และกำลังเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเองในฐานะนักออกแบบและคนทำธุรกิจ ก็ติดตามข่าวอยู่ตลอด
เวลาพักสมอจากงานออกแบบแล้ว
ก็นั่งคิดนอนคิดถึงแนวทางการออกแบบในอนาคต
ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยเห็นหนทางเท่าไหร่
เพราะสภาวะสังคมก็ดูจะตื่นกลัวเรื่องความปลอดภัยมาก
แน่นอนครับเรื่องความเป็นความตายย่อมมาก่อนสิ่งอื่น
แต่ตอนนี้ที่ภาวะต่างๆเริ่มคลี่คลายความตึงเครียดและกังวลลงบ้าง
และรัฐเริ่มผ่อนคลายเตรียมให้เปิดกิจการในธุรกิจหลายอย่าง
เราจะทำยังไงกันดี
มุมมองจากประสบการณ์ส่วนตัวจากการทำงานออกแบบ
Commercial Spaceในหลายๆธุรกิจที่ผ่านมา
ผมมองว่านอกเหนือจากการกำหนดต่างๆของรัฐแล้ว
เราคงต้องมองที่ลูกค้าของเราเป็นหลักว่าต้องการอะไร
แล้วเราจะนำเสนอบริการอย่างไรให้เค้าสบายใจที่จะเข้ามาใช้บริการ
เรื่องแรกที่อยากคุยในวันนี้คือเรื่อง
Personal Space
จากช่วงก่อนที่เราฮิต Common Space กันมากๆ
ไม่ใช่แค่ Co-Working Space
แต่ไปถึง Co-Living Co-Cooking กันแล้ว
ตอนนี้คงต้องมานั่งทวนการจัดพื้นที่กันใหม่
เพราะกฎกติกาของสังคมใหม่จะให้เราต้องมีระยะส่วนตัวมากขึ้น
ร้านอาหาร
คำว่า personal space คงไม่ใช่แค่ว่าให้ลูกค้านั่งโต๊ะเว้นโต๊ะ
เอาเก้าอี้ออก หรือแปะเทปกาวกันไว้
อันนั้นมันการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า...
แต่ว่าการเปิดร้านเพื่อบริการลูกค้าอีก 12-18 เดือน
กว่าจะวัคซีนด้วยสภาพแบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะ
ผมว่าลูกค้าก็คาดหวังจะได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ในบรรยากาศที่ดี
ไม่ใช่เหมือนร้านกำลังจะเจ๊ง (และแน่นอนด้วยภาพแบบนั้นยิ่งเป็นลางไม่ดี)
เพราะฉะนั้น เราควรปรับเปลี่ยน Layout ของร้านใหม่
ถ้าเป็นร้านที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
ก็อาจจะใช้เฟอร์นิเจอร์เดิมมาวางใหม่ให้ห่างกันมากขึ้น
แล้วเพิ่มการตกแต่งมาเสริมส่วนที่โล่งนั้น
ทำให้การกินข้าวที่ร้านไม่ดูอ้างว้างเดียวดายจนเกินไป
ลูกค้าก็จะรู้สึกดีขึ้นมาอีกเยอะเลย
หรือไม่ทำให้ห่างกันแต่ทำ Partition แบ่งพื้นที่ให้แยกกัน
แต่ลดจำนวนโต๊ะลง เพื่อไม่ให้แออัด
แล้วปรับเอาพื้นที่ว่างเปล่านั้นไปเป็นพื้นที่อย่างอื่นแทน
เช่นแบ่งพื้นที่ให้กับการรองรับการสั่งแบบดิลิเวอรี่
เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน และไม่รบกวนกัน
หรือจัดเป็นส่วนพักคอยของลูกค้าเป็นต้น
พื้นที่สำนักงาน
การใช้พื้นที่สำนักงานอาจจะผ่อนคลายกว่า
เพราะส่วนมากเป็นคนคุ้นเคยกัน
แต่ก็ยังต้องมีความระมัดระวังกันมากขึ้น
และแน่นอนครับ การได้ลอง Work from Home ในหลายองค์กรที่ได้ผลดี
คงทำให้บางคนยังต้องทำงานทางไกลต่อไป
การจัดพื้นที่ให้พนักงานสามารถประชุมทางไกลได้สะดวกเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม
การใช้ห้องประชุมย่อยๆก็น่าจะบ่อยขึ้น
พื้นที่ทำงานเดิมที่เคยเน้นให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางใช้ร่วมกันก็จะลดความสำคัญลง
แบ่งที่นั่งให้เป็นทีมย่อยๆ หรือมุม Video Conference แบบเดี่ยว
ร้านค้า
ผมว่าร้านที่แออัดคงเป็นภาพที่น่ากังวลในอนาคต
คงต้องเริ่มด้วยการปรับการจัดวางชั้นโชว์ให้ทางเดินโล่งขึ้น
แต่ไม่ต้องกังวล แม้ลดปริมาณชั้นลงเพื่อแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะโชว์ของได้น้อยลง
ถ้าเราให้กรออกแบบจัดหมวดหมู่ให้ชัดเจนขึ้น ลดการโชว์ของซ้ำซ้อน
จัดวางให้สินค้าดูเด่น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้
เราจะได้ร้านที่โล่งขึ้นแต่มีประสิทธิภาพในการขายได้มากขึ้น
รวมถึงการจำกัดปริมาณลูกค้าที่เข้ามาในร้านแต่ละช่วงเวลาให้พอดี
ให้แต่ละคนมีพื้นที่ในการเลือกสินค้าอย่างสบายใจ
ต่อไปการต่อคิวเข้าร้านแบบหลุยส์วิตตองจะเป็นภาพปกติที่เห็นได้ในทุกๆร้าน...
เพราะฉะนั้น
สิ่งแรกที่คุณควรทำเลย
คือปรับผังการวางและการสัญจรก่อนเลย
นอกจากให้บริการแล้วคุณต้องให้ Personal Space กับลูกค้าด้วย
แล้วลดความสูญเปล่าของพื้นที่
แล้วเอากลับมาสร้างประโยชน์ในมุมอื่นแทน
จะช่วยให้อะไรดีขึ้นมากครับ
อย่ายึดติดกับความคิดว่าเดี๋ยวโรคหายทุกอย่างก็กลับมาเป็นแบบเดิม
เราเห็นกันแล้วว่าเพียงแค่ 1-2 เดือนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนในโลกไปแล้วขนาดนี้
ขบวนรถรถไฟที่ชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่คอยใครนะครับ
ติดตามตอนต่อไปนะครับ
..........
. อัปเดตและติดตามข่าวสารของพวกเราได้ที่
Line : @collectivestudio Messenger : m.me/thecollectivestudio Instagram : http://bit.ly/3bECtyL Twitter : https://twitter.com/CollectiveBKK Website : https://www.ctstu.com Youtube : http://bit.ly/2vDXgC8