พระตำหนักดาราภิรมย์แห่งนี้สร้างเพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าดารารัศมี
โดยก่อสร้างช่วงปี พ.ศ.๒๔๗๐-๒๔๗๒
ว่าแต่เจ้าดารารัศมีคือใคร???
ท่านเป็นธิดาของเจ้าอิทวิชยานนนท์ (เจ้านครเชียงใหม่ขณะนั้น) กับเจ้าทิพเกสร
และท่านก็เป็น พระราชชายาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ไม่ต้องแปลกใจว่าการที่รัชกาลที่ ๕ ท่านเลือกเจ้าดารารัศมีมาเป็นพระราชชายามีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ แต่จากเรื่องราวก็บ่งบอกว่าท่านทรงโปรดเจ้าดารารัศมีมากจนคาดไม่ถึง เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้างไปหาอ่านกันเอาดู
คิดว่าในสมัยนั้นท่านคงต้องผ่านศึกอิฉจาริษยานางในวังไม่ต่างจากในละครทีวีแน่ๆ ยิ่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านมีชายาตั้งมากมาย
ตลอดเวลาที่อยู่อยู่กรุงเทพฯ ท่านดำรงความเป็นชาวล้านนาอยู่ตลอด นุ่งซิ่น จัดให้มีการฟ้อนรำในวัง ฯลฯ ดูแล้วชื่นชมกับการที่ท่านรักในวัฒนธรรมของตัวเอง ไม่เห่อไปตามความนิยมตะวันตกที่ฟูฟ่าในสมัยนั้น ต่างกับปัจจุบันที่เกาหลีเป็นยังไงไทยสาวไทยขอเป็นบ้าง
หลังจากที่รัชกาลที่ ๕ สวรรคต เจ้าดารารัศมีจึงทรงย้ายกลับมาประทับที่เชียงใหม่และสร้างพระตำหนักดาราภิรมย์แห่งนี้ บนเส้นทางก่อนถึงแม่ริมโดยควบคุมงานด้วยตัวเอง (วิทยากรบอกมา) และทำพื้นที่รอบๆวังเป็นสวนเกษตร
ตัวพระตำหนักมีลักษณะเป็นเรือนผสมผสานแบบตะวันตกตามสมัยนิยมในช่วงนั้น อาจเป็นเพราะท่านได้ไปประทับอยู่ในหลายวังในกรุงเทพฯ เช่นพระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นต้น
อาคารขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนเกินไปนัก มีวิทยากรนำชมบอกเล่าเรื่องราวต่างๆไปทีละห้องๆ เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆแต่ก็มีการจัดการและต้อนรับนักท่องเที่ยวดีเกินคาด อาจเป็นเพราะปัจจุบัน พระตำหนักแห่งนี้ดูแลโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ท่านประทับที่ตำหนักนี้จนสิ้นพระชนม์ เมื่อมีอายุ ๖๐ปี แม้ตอนที่ท่านประชวร รัชกาลที่ ๗ ก็ทรงเป็นห่วงทรงส่งแพทย์มาช่วยรักษาและให้รายงานพระอาการให้ทราบเป็นระยะๆ แสดงถึงสานสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าแห่งสยามพระองค์อื่นๆตลอดมา